ปัจจุบันสีมีบทบาทในทุก ๆด้านตลาดงานสีปี 2562 ในบ้านเราได้พัฒนาไปมากและสร้างสีสรรค์ได้ใกล้เคียงกับความต้องการมากที่สุด และเกือบทุกโรงงานจะต้องมีห้องพ่นสี มาใช้งานซึ่งห้องพ่นสีที่กล่าวถึงมากที่สุดจะพบเห็น ห้องพ่นสีในได้ 2 แบบ ดังนี้
1. ห้องพ่นสี ชนิดแห้ง (โดยใช้แผ่นใยกรองขนาดต่าง ๆ ตามประเภทของละออง)
ในการออกแบบห้องพ่นสีชนิดนี้มักคำนึงในด้านการใช้งาน โดย ห้องพ่นสี ชนิดแห้งนี้ มักตอบโจทย์ในด้านงบประมาณการลงทุน เหมาะกับอุตสาหกรรมขนาดเล็ก และ ขนาดกลาง มีข้อดี ที่ดูแลง่ายไม่ต้องใช้พื้นที่มากนัก ค่าใช้จ่ายหลักจะไปอยู่ที่ชุดแผ่นกรองเป็นสำคัญเนื่องจากอายุการใช้งานแล้วอีกสิ่งหนึ่งคือ คุณภาพ และมาตรฐานที่ตอบโจทย์ใน อุตสาหกรรม และ อาจประยุกต์ เป็นระบบ ระบายอากาศ อีกแง่มุมหนึ่งก็ได้ และ เรื่องระบบการส่องสว่างมีความจำเป็นมาก โดยทางบริษัท ฯ ได้กำหนดเป็นค่ามาตรฐานได้คือ 1250 - 1500 LUX/ตรม. ซึ่งเพียงพอต่อระบบการมองเห็นของมนุษย์ที่เห็นสีเป็นสีจริง ไม่บิดเบือน โดยการออกแบบในบางอุตสาหกรรมที่เน้นความละเอียดของผิวชิ้นงานจะออกแบบเป็นระบบปิด และมีแผ่นกรองอากาศที่ทางเข้าติดตั้งเพิ่มเติม
2.ห้องพ่นสี ม่านน้ำ (โดยใช้น้ำเป็นตัวดักจับอนุภาค ละออง ต่างๆ)
ในระบบห้องพ่นสีแบบม่านน้ำนี้มีการออกแบบที่สำคัญคือ ค่าความเร็วอากาศที่วิ่งผ่านเข้าไปในช่องHoodรวมถึงรูปแบบในการออกแบบชุด Trapping Tray ต่าง ๆ เป็นสำคัญ โดยในชุด Hood Spray Booth ระบบใหญ่จะต้องมีการออกแบบบ่อพักเพื่อกรองกาก,ตะกอนต่างๆ และเป็นชุดหมุนเวียนน้ำใน Booth ด้วย โดยทั่วไปแล้วการออกแบบมักต้องคำนึงถึงในเรื่องระบบหมุนเวียนของอากาศที่เข้ามา และ ออกไปเป็นสำคัญ เนื่องจากอากาศจะปนเปื้อนสารไอระเหยจากขบวนการพ่นสีต่าง ๆ และ อันตรายอีกอย่างคือเรื่องสารไวไฟที่เกิดขึ้น กับระบบห้องพ่นสีที่มักจะต้องมีการตรวจสอบในระบบพัดลม และ ท่อลม ที่ส่งอากาศ เป็นประจำ โดยการออกแบบในบางอุตสาหกรรมการออกแบบห้องพ่นสีที่เน้นความละเอียดของผิวชิ้นงานจะออกแบบเป็นระบบปิด และมีแผ่นกรองอากาศที่ทางเข้าติดตั้งเพิ่มเติม